ความหวัง ตอนที่ 1
ความหวังคือการคาดหวังต่อสิ่งที่มองไม่เห็น
ความหวังนับเป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญในตัวของมนุษย์เราทุกคน มีคนกล่าวไว้ว่า คนเราถ้าขาดอาหารจะมีชีวิตอยู่ได้ 40 วัน ถ้าขาดน้ำจะดำรงชีวิตอยู่ได้ 3 วัน ถ้าหากขาดอากาศจะมีชีวิตอยู่ได้ 5 นาที ก่อนสมองจะตาย แต่ถ้าหากขาดความหวังแล้ว มนุษย์เราจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่อย่างมีชีวิตชีวาได้เลย!
ตามพจนานุกรมนิยามของความหวังคือ การคาดว่าจะได้ หมายไว้ ปองไว้ อย่างไรก็ตามความหวังมีอะไรที่ลึกซึ้งกว่านั้นมาก ในตอนที่ 1 นี้ ผมจะลงลึกถึงความหมายของความหวังในหัวข้อที่ว่า “ความหวังคือการคาดหวังต่อสิ่งที่มองไม่เห็น”
มีข้อเขียนนึงจากซอฮาบะห์ (อัครสาวก) ของนบีอีซานามว่า ชาอูล (เซาโล หรืออีกชื่อเปาโล) กล่าวถึงความหวังไว้ดังนี้ว่า
“เพราะว่า เรารอดโดยความหวัง แต่ความหวังที่เห็นได้นั้นไม่ใช่ความหวังเลย เพราะใครจะไปหวังในสิ่งที่เขาเห็นแล้ว แต่เราหวังในสิ่งที่ยังมองไม่เห็น และเราก็ตั้งตารอคอยด้วยความอดทน”
(จดหมายถึงผู้ศรัทธาชาวโรมัน บทที่ 8 ข้อที่ 24 ถึง 25)
ท่านชาอูลกล่าวถึงความหวังในการรอดพ้นซึ่งจากเกิดขึ้นในอนาคตกับบรรดาผู้ศรัทธาในนบีอีซา ณ วันกิยามะห์ ว่าเป็นความหวังต่อสิ่งที่ยังมองไม่เห็น ซึ่งทำให้เราเพียรอดทนรอคอย และท่านย้ำว่าเป็นไปไม่ได้ที่เราจะหวังในสิ่งที่เรามองเห็นแล้ว!
ยกตัวอย่างเช่น หากมีคนมาบอกคุณว่าจะชวนไปเที่ยวต่างประเทศ ก่อนจะไป…คุณก็จะต้อง “เชื่อ”และ “หวัง” ว่าคุณจะได้ไปตามคำบอกกล่าวนั้น แม้คุณจะยังไม่ได้เห็นอะไรเลย ไม่เห็นสนามบิน ไม่เห็นแม้แต่ตั๋วเครื่องบิน แต่ในระหว่างที่คุณหวังนั้น คุณก็จะค่อยๆ ได้รับการเปิดเผยว่าคุณจะได้ไปต่างประเทศ เรื่อยๆ เช่นเห็นการจองตั๋วเครื่องบิน การจองโรงแรม เป็นต้น
ดังนั้นสรุปแล้ว วันนี้เราได้เรียนรู้ว่าความหวัง คือการคาดหวังในสิ่งที่มองไม่เห็น เป็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้าในอนาคต ยังมาไม่ถึง ในระหว่างทางที่หวังนั้น เรารับการเปิดเผยถึงสิ่งที่หวังว่าจะบังเกิดขึ้นจริงหรือไม่
ในตอนต่อไป เราจะได้รู้ว่า แล้วเราจะมั่นใจในความหวังนั้นได้อย่างไร จะรู้ได้อย่างไรว่าไม่เป็นความหวังลมๆ แล้งๆ แต่ความหวังนั้นจะเกิดขึ้นจริง ติดตามกันนะครับ